Last updated: 18 Aug 2021 | 27526 Views |
1. น้ำมันหอมระเหยคืออะไร
น้ำมันหอมระเหยเป็นน้ำมันที่สกัดมาจากพืชตามธรรมชาติจากพืชหอม ที่มีกลิ่นหอม ซึ่งสารเหล่านี้จะถูกเก็บไว้อยู่ในเฉพาะส่วนอย่าง ต่อมบนผิวใบ บนเปลือก กลีบดอก เกสร ลำต้น ยางจากเปลือกลำต้น เป็นต้น ซึ่งภายในต่อมน้ำมันเหล่านั้นจะมีองค์ประกอบทางเคมีที่สลับซับซ้อนหลายร้อยชนิด น้ำมันที่สกัดออกมาได้จะเป็นของเหลว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมเข้าสู่ผิวได้เร็ว มีกลิ่นหอมธรรมชาติ และมีคุณสมบัติในเชิงบำบัดโรคได้ ซึ่งในน้ำมันแต่ละตัวนั้นก็จะมีผลในการบำบัดแตกต่างกันออกไป อย่างช่วยเรื่องการต้านอาการติดเชื้อ ฆ่าและยับยั้งแบคทีเรีย ช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ต้านอักเสบ กระตุ้น หรือช่วยทำให้ผ่อนคลายความตึงเครียดสะสม ทำให้สดชื่น หรือทำให้สงบ และมีสมาธิ เป็นต้น
2. ประวัติน้ำมันหอมระเหย
การเริ่มใช้สารสกัดจากพืชหอมและน้ำมันหอมระเหยอย่างแพร่หลายในยุโรปและซีกโลกตะวันออกนั้นมีความเป็นมาประมาณห้าร้อยถึงหนึ่งพันห้าร้อยปีก่อนศริสตศักราช เนื่องจากการค้นพบคุณสมบัติของพืชที่ให้คุณประโยชน์ รวมไปถึงวิธีสกัดอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งพืชแต่ละชนิดยังมีสรรพคุณไม่เหมือนกันอย่าง ลาเวนเดอร์ โรสแมรี่ และออริกาโน่ เพื่อใช้ในการฆ่าเชื้อ และอีกกลุ่มหนึ่งที่ช่วยในการสร้างสมาธิอย่าง กำยาน ไม้จันทร์ และมดยอบ
ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการระบุแน่ชัดว่าประเทศใดหรือกลุ่มบุคคลใดเป็นผู้ริเริ่มการใช้น้ำมันหอมระเหยอย่างชัดเจนว่า อียิปต์ จีน หรืออินเดีย ประเทศใดเป็นผู้ริเริ่ม ในส่วนของประเทศอียิปต์นั้นน้ำมันหอมระเหยที่ได้มีการค้นพบว่าใช้กันมายาวนานคือ กำยาน มดยอบ และจูนิเพอร์ ใช้สำหรับการคงสภาพของศพ มีการใช้น้ำมันหอมระเหยในการช่วยสมานรอยแผล ใช้ในการนวด ใช้ในการทำน้ำหอม ใช้ในการประทินผิว สำหรับในอินเดียนั้นมีการใช้น้ำมันหอมระเหยอย่างไม้จันทร์ ในช่วงกรีก ก่อนคริสศักราชได้มีการศึกษาการใช้สมุนไพร เม็กกอลัสเป็นบุคคลหนึ่งที่สำคัญในการริเริ่มสูตรการลดอักเสบและสมานแผลออย่าง “Megaleion”ขึ้นมา และนักปราชญ์หรือหมอที่มีชื่อว่าฮิปโปเครติสเป็นผู้ค้นพบว่า ออริกาโน่ มาร์จอแรม กำยาน และมดยอบ ในการสมานแผล แก้อักเสบ เป็นต้น ทำให้น้ำมันหอมระเหยในกรีกนั้นได้มีการนำมาใช้อย่างแพร่หลายในด้านการแพทย์ ทั้งยังใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางมาช้านานหลังจากนั้น
สำหรับการถ่ายทอดความรู้การใช้น้ำมันหอมระเหยนั้นเชื่อว่าชาวกรีกได้รับวิชามาหลังจากที่ทำสงครามกับอียิปต์จนถ่ายทอดมาถึงชาวโรมันในเวลาไม่นาน นอกจากอียิปต์ กรีก และโรมันแล้วยังมีอีกที่ที่ใช้ศาสตร์น้ำมันหอมระเหยอย่างช้านานอย่าง ประเทศจีน ที่ริเริ่มการใช้น้ำมันกุหลาบ มะลิ และคาโมมายด์ในการบำรุงผิวพรรณ เป็นยา และเครื่องสำอาง เป็นต้น
และได้มีการใช้น้ำมันหอมระเหยในการบำบัดอีกครั้งในปี ค.ศ 1910 เมื่อนักเคมีชาวฝรั่งเศสเรเน่ มอริช กัตฟอส ที่ได้ศึกษาผลของน้ำมันหอมระเหยด้วยตัวเอง เมื่อตอนที่เขาทำการทดลองและถูกไฟลวกจากการระเบิดในห้องทดลองด้วยความตื่นตระหนก เขาได้เอามือจุ่มลงในน้ำมันลาเวนเดอร์ และพบว่าอาการปวดของแผลนั้นลดลง แผลไม่เน่า ไม่เปื่อย สมานตัวดีขึ้นจนแทบไม่เป็นรอยแผลเป็น และนั่นทำให้เขาเริ่มการทดสอบน้ำมันหอมระเหยให้กับทหารที่อยู่ในโรงพยาลาบ นอกจากนี้ยังตั้งคำว่า “Aromatherapy” รวมถึงแต่งหนังสือขึ้นอีกด้วย
น้ำมันหอมระเหยกับการนำไปใช้ในด้านการรักษาร่างกาย เรียกได้ว่าเป็นการบำบัดอีกทางนึง อย่างน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์มีสรรพคุณในเชิงช่วยเรื่องแก้อาการคัน แมลงกัดต่อย แผลไฟไหม้ โดนลวกพุพ่อง ช่วยเรื่องลบเลือนริ้วรอยเป็นต้น หรือจะเป็น เปปเปอร์มิ้นที่ช่วยในเรื่องระบบทางเดินหายใจ ภูมิแพ้ หรือแก้เรื่องร้อนใน ลดความเครียดเป็นต้น และเนื่องจากน้ำมันหอมระเหยมีความเข้มข้นสูง ระเหยเร็ว เวลาที่จะใช้กับร่างกายภายนอกควรเจือจางด้วยน้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันตัวพา เพื่อให้การใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และการใช้ Aromatherapy หรือศาสตร์แพทย์ทางเลือกนั้นก็มีข้อจำกัด และวิธีการใช้น้ำมันบางตัวที่สลับซับซ้อน น้ำมันหอมระเหยไม่ใช่ยาดังนั้นต้องใช้เวลาในการบำบัด อีกทั้งต้องศึกษาข้อมูลให้แน่ชัดก่อนที่จะใช้งานน้ำมันหอมระเหยแต่ละตัวอีกด้วย และหากต้องการใช้ในการบำบัดโรคควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วย
อย่างไรก็ตามแต่นี่เป็นเพียงการรักษาทางเลือก น้ำมันหอมระเหยส่วนใหญ่จะเน้นในด้านผ่อนคลายอารมณ์และจิตใจเสียมากกว่า สิ่งสำคัญและจำเป็นต่อร่างกายจริงๆ คือการพักผ่อนให้เพียงพอต่อความต้องการ ทานอาหารให้ตรงต่อเวลา ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง
5. การเลือกซื้อ และข้อแตกต่างของน้ำมันหอมระเหย แท้ vs สังเคราะห์
น้ำมันหอมระเหยสังเคราะห์ นั้นจะมีกลิ่นที่คล้ายคลึงกับน้ำมันหอมระเหยแท้ค่อนข้างมาก เนื่องจากกลิ่นที่หอมติดทนนาน และทำให้ผู้ใช้รู้สึกพอใจในกลิ่นหอม แต่น้ำมันหอมระเหยสังเคราะห์นี้จะไม่มีผลในการบำบัดรักษาเหมือนกับน้ำมันหอมระเหยแท้ เนื่องจากบางยี่ห้อนำส่วนประกอบของน้ำมันหอมระเหยแท้มาจริง ทว่าก็ผสมสารเคมีเข้าไปด้วย หรืออาจจะเป็นสารสังเคราะห์ทั้งหมดที่ส่วนผสมเป็นเคมี ที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ และเป็นอันตรายต่อระบบภายในร่างกาย หากใช้ในปริมาณมากติดต่อกันทุกวันจนสะสมภายใน ดังนั้นผู้ใช้จึงควรพิจารณาให้ดีถึงความปลอดภัยจากน้ำมันหอมระเหยแต่ละยี่ห้อ โดยพิจารณาจากราคาของน้ำมันหอมระเหยชนิดนั้นๆ อย่างเช่นน้ำมันหอมระเหยกุหลาบนั้นมีการสกัดยากเนื่องจากใช้กลีบดอกในการสกัด ทำให้มีราคาสูง ขนาดปริมาณหนึ่งมิลลิลิตรนั้นราคาเกือบพัน หากว่าพบเจอน้ำมันหอมระเหยกุหลาบราคาไม่ถึงหลักร้อยนั้นให้พิจารณาไว้ว่าเป็นของเทียม สารสังเคราะห์ หรือไม่ก็อาจเป็นน้ำมันหอมระเหยที่ถูกนำมาเจือจางเพื่อลดคุณภาพลงแล้วเท่านั้น
6. Gc analysis คืออะไร มาตรฐาน CPTG
คือกระบวนการวิเคราะห์น้ำมันหอมระเหยในด้านคุณภาพและปริมาณค่าความบริสุทธิ์ เพื่อให้ทราบถึงปริมาณขององค์ประกอบทางเคมีพืชที่มีอยุ่ในน้ำมันหอมระเหยที่นำมาทดสอบ และรับรองผลได้ว่าน้ำมันหอมระเหยนั้นเป็นของแท้ บริสุทธิ์ไร้การเจือปนจากสารเคมีใดๆ รวมไปถึงได้คุณภาพตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้สำหรับการบำบัดรักษาโรค